วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เสียงตุ๊กแก

 เล่าความน่ากลัวของตุ๊กแกสู่กันฟัง เรื่องของครอบครัวหลังบ้านเรา ภรรยาและลูกๆรวมถึงน้องๆของหัวหน้าครอบครัวด้วย กลัวตุ๊กแกทุกคน
  

 ขอเรียกหัวหน้าครอบครัวว่าลุง มีลุงคนเดียวที่ไม่กลัวตุ๊กแก ลุงเลยมีหน้าที่คอยจับตุ๊กแก
ได้ยินเสียงร้องอยู่ที่ไหนลุงต้องไปทันที ไล่จับแล้วเอาไปปล่อย ลุงบอกจับไปราวๆ30กว่าตัวเห็นจะได้ บางคืนตี 1 ตี 2 ลุงก็มาจับตุ๊กแก ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นขโมยทุกที
 มีอยู่คืนหนึ่งตุ๊กแกร้อง ลุงก็ลุกมาจับตุ๊กแกพักใหญ่ก็จับได้ใส่ถุงคว้าจักรยานถีบออกจากบ้านไป สักพักขี่ไปเจอสุนัขข้างถนนมันก็เห่าพร้อมกับไล่จะกัด ทำไงดี ไม้ก็ไม่มี

 เลยเอาถุงตุ๊กแกฟาดลงไปที่สุนัข ถุงขาดสุนัขร้องลั่นตุ๊กแกหลุดไปเกาะหลังสุนัข เกาะและกัดสุนัขอย่างแน่นสุนัขวิ่งเตลิดร้องอย่างน่าสงสารหายลับไปเลย พร้อมกับ เอาตุ๊กแกไปปล่อยให้ด้วยไกลแค่ไหนไม่รู้

  อยู่มานานไม่เคยได้ยินเสียงตุ๊กแกร้องเลย เพราะโดนลุงจับไปปล่อยหมด
 สรุปแล้วมันน่ากลัวสำหรับสุนัขที่มันกัดแล้วไม่ยอมปล่อย  ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ

สนับสนุนโดย



ขอบคุณเรื่องเล่าจาก ลุง

รูปจาก 

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เรื่องน่ากลัว ขบวนรถไฟญี่ปุ่น

 เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วและทำให้ฉันรู้สึกตกใจเล็กน้อย เรื่องมีอยู่ว่า โรงเรียนของฉันมีการแลกเปลี่ยนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่น ซึ่งจะมีการส่งนักเรียนแลกเปลี่ยนกันทุกปี เมื่อปีที่แล้วฉันได้ไปแลกเปลี่ยนและมันเป็นทริปที่ดีมาก ฉันไปอาศัยอยู่กับครอบครัวของนักเรียนชายคนหนึ่งแถวๆ โยโกฮาม่า และฉันก็ได้มีประสบการณ์แย่ๆ ครั้งหนึ่งที่นี่


พวกเราไปเที่ยวที่ Sea Paradise (เป็นสวนสนุกในฮัคไคจิม่า) และไปพบกับเพื่อนของฉันกับครอบครัวอุปถัมของเขาด้วย อย่างไรก็ตามที่บนรถไฟ ฉันได้พบชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ซึ่งฉันคาดว่าเขาอาจจะเมาหรือไม่ก็เสพยาบางอย่าง เขาเอาแต่ยกนิ้วโป้งให้ฉันดูท่าทางเป็นกันเอง ดังนั้นฉันจึงยกนิ้วโป้งคืนกลับไป เหมือนแสดงท่าทางตอบว่า “ฉันโอเคดี” คาดว่าเดี๋ยวเขาคงจะเลิกสนใจฉัน แต่ว่าเขาเริ่มเต้นไปรอบๆ ตู้โดยสารพลางครวญเพลงเสียงเบา บางทีก็ล้มลงเมื่อรถไฟหยุด มองดูน่าขันอยู่บ้าง


หลังจากผ่านมา 15 นาที มีผู้ชายอเมริกันกล้ามโตขึ้นมาแล้วก็ตะโกนไปที่ชายผู้นั้นให้เลิกยุ่งกับฉัน เขาถามฉันว่าเป็นอะไรหรือเปล่า และบอกว่ามีผู้ชายน่ากลัวแบบนี้อยู่ทั่วไปและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอ ฉันคาดว่าผู้ชายท่าทางน่ากลัวนั้นคงคิดว่าฉันมาคนเดียว เพราะว่าฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงออสเตรเลียอายุ 13 ปี ซึ่งไม่มีตรงไหนที่เหมือนกันครอบครัวอุปถัมภ์ชาวญี่ปุ่นที่อยู่บนรถไฟกับฉันเลย เขาคงเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะลักพาตัวฉันหรือฉันก็ดูไม่น่าปกป้องตัวเองได้ ฉันยังไม่ค่อยแน่ใจสิ่งที่ชายอเมริกันพูด แต่สำหรับฉันแล้วคิดว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ ฉันหวังว่าชายคนนั้นคงไม่ไปทำแบบนี้กับเด็กคนไหนอีก
แต่ฉันก็ไม่ได้เจอชายท่าทางน่ากลัวบนรถไฟอีกเลย

สนับสนุนโดย www.lovelyglasses.com/love/
แปลจาก
รูปจาก

ชายท่าทางน่ากลัวที่สถานีรถไฟ

 เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อฉันรอรถไฟอยู่ในคืนหนึ่ง เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนฉันอายุได้ 15 ปี ฉันต้องการจะนั่งรถไฟไปที่บ้านพ่อในวันหยุดสุดสัปดาห์ ฝนกำลังตกฉันจึงนั่งอยู่ที่ม้านั่งด้านใน ฟังเพลงและผ่อนคลาย จนกระทั่งมีชายหนุ่มอายุราว 20 ปลายๆ มานั่งที่อีกด้านของม้านั่ง ชายหนุ่มมีผมสีดำสนิทที่เปียกซกดูยุ่งเหยิง เขาสวมชุดผ้าสักหลาดสีแดง และรองเท้าคอนเวิร์สข้อสูงสีเหลืองที่ดูแล้วเข้ากับชุดได้อย่างน่าประหลาด เขาสวมใส่สิ่งที่ฉันคิดว่าน่าจะเรียกว่า ปอนโช
ชายหนุ่มพึมพำบางอย่างกับตัวเองจากนั้นก็หันมามองที่ฉันและจับได้ว่าฉันกำลังมองเขาอยู่ เขามองมาด้วยสายตาน่ากลัวจากนั้นก็มองไปที่รองเท้าตัวเอง ฉันเริ่มรู้สึกกลัวตั้งแต่ที่เขามองมา เหมือนเป็นเรื่องง่ายมาก ถ้าเขาจะทำอะไรกับฉัน ฉันจึงตัดสินใจว่าจะเลิกจ้องมองท่าทางแปลกๆ ของเขาแล้วสนใจแค่มือถือของตัวเอง ตอนนี้น่าจะประมาณสามทุ่มแล้ว
ขอย้อนความว่า ฉันได้เรียกอูเบอร์จากโรงเรียนให้มาส่งที่สถานีรถไฟ ละครเวทีของโรงเรียนจบตอนสองทุ่มครึ่ง รถไฟจะมาถึงประมาณสามทุ่มสิบเจ็ดนาทีหรือราวๆ นั้น ฉันจึงตัดสินใจรอที่นี่เพราะต้องรอแค่ 10 นาทีเท่านั้น เลยไม่ได้ให้อูเบอร์ไปส่งถึงบ้าน แม่ของฉันก็มารับไม่ได้เพราะว่าต้องไปทานมื้อเย็นกับคุณยาย
มากลับเข้าเรื่องต่อ หลังจากนั้นไม่นานฉันก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ชายหนุ่มคนนั้นเริ่มพึมพำมากขึ้นๆ ฉันจึงตัดสินใจย้ายไปนั่งที่ม้านั่งตัวอื่น เพิ่งจะนั่งลงฉันก็เห็นสัญญาณแจ้งว่ารถไฟจะมาสายประมาณ 20-30 นาทีเพราะฝนตก เมื่อเห็นดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเดินไปแถวๆ ร้านขายแซนวิช ใช้เวลาเดินเพียงประมาณหนึ่งนาทีก็มาถึง ฉันสั่งแซนวิชมาหหนึ่งชิ้น และหาที่นั่ง หลังจากจัดการแซนวิชไปได้เพียงครึ่งชิ้น ฉันก็เห็นชายที่นั่งอยู่ในสถานีเดินเข้าร้านมา เขาสั่งสลัดและนั่งลงตรงข้ามกับฉันพอดี ดวงตาเขาจ้องเขม็งมาที่ฉัน แม้ว่าฉันจะไม่ได้มองแต่ก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังจ้องมองมา มันเหมือนกับฉากในหนังสยองขวัญเรื่อง “Terrifyer” ที่มีผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะในร้านอาหารและมีฆาตกรจ้องมอง หลังจากเขาจ้องมองฉันได้เกือบนาทีก็เริ่มลงมือกินสลัดในจาน ฉันไม่รู้ว่าทำไมแต่พอเขาเริ่มหยิบส้อมบนโต๊ะ ฉันก็เผลอปัดโดนสายหูฟังหลุดจากมือถือ เสียงเพลงจึงดังออกมาจากลำโพงแต่ก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว ฉันจำไม่ได้ว่าเป็นเพลงอะไร แต่ชายคนนั้นก็จ้องมาที่ฉันแล้วเอ่ยปากถาม “เธอก็ชอบวงนี้ด้วยหรอ?” ฉันรู้สึกประหลาดใจมากที่เขาเอ่ยปากถามเพราะเห็นเขาเอาแต่จ้องมองฉันอย่างเดียวมาตลอด ฉันจึงตอบกลับไปว่า “เอ่อ ใช่” เขามองฉันแล้วทำท่าอยากจะพูดบางอย่าง แต่ฉันหยิบของทุกอย่างบนโต๊ะแล้วรีบเดินไปที่ประตูทางออก
ได้ยินชายหนุ่มทำเสียงน่ารำคาญบางอย่างแล้วเดินตามมาด้านหลัง ฉันจึงเร่งฝีเท้าขึ้นจนออกมาจากร้านได้ ขณะกำลังเดินเร็วๆ กลับไปที่สถานีชายคนนั้นก็ยืนมือมาแตะที่ไหล่ ฉันไม่ได้หยุดเพียงลดความเร็วลงชายคนนั้นจึงมาเดินอยู่ด้านข้าง ฉันจำไม่ค่อยได้ว่าคุยอะไรกันบ้าง แต่นี่เป็นสิ่งที่ฉันพอจำได้
  • ชายหนุ่ม : เธอกำลังจะไปไหน?
  • ฉัน : สถานีรถไฟ
  • ชายหนุ่ม : ฉันขับรถไปส่งเธอได้นะ
  • ฉัน : งั้นแล้วทำไมคุณไปนั่งอยู่ในสถานีล่ะ?
  • ชายหนุ่ม : เธอหมายความว่ายังไง?
  • ฉัน : คุณมานั่งม้านั่งตัวเดียวกับฉันไง เราสบตากันด้วย
  • ชายหนุ่ม : นั่นไม่ใช่ฉัน
  • ฉัน : คุณนั่นแหละ
  • ชายหนุ่ม : เธออยากนั่งรถไฟ?
  • ฉัน : ใช่
  • ชายหนุ่ม : ไม่เอาน่า เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง พวกเราจะได้ใช้เวลาด้วยกันไง ฉันหมายถึง ทำไมเด็กผู้หญิงอย่างเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?
  • ฉัน : ให้ฉันอยู่คนเดียวเถอะ ฉันไม่เป็นไร
ฉันเดินเข้าสถานีรถไฟและนั่งรอที่ม้านั่ง ไม่ได้มองว่าชายหนุ่มไปทางไหน หลังจากนั้นไม่กี่นาที ชายหนุ่มก็มานั่งที่อีกด้านของม้านั่ง ฉันลุกขึ้นเดินไปม้านั่งตัวอื่น ได้ยินชายคนนั้นตะโกนบางอย่างใส่ จึงตัดสินใจว่า พอแล้ว และเดินออกมาที่ถนนเพื่อโทรบอกให้พี่ชายมารับฉันไปบ้านพ่อ ขณะเสียงรอสายดังชายหนุ่มก็มาอยู่ด้านหลังและฉกเอามือถือออกจากมือของฉันไป ฉันรีบไปแย่งมือถือคืน แต่เขาก็หลบได้ เสียงของพี่ชายดังออกมาจากลำโพงว่าสวัสดีหรืออะไรบางอย่าง ฉันได้โอกาสเตะชายคนนั้นแล้วแย่งมือถือกลับคืนมาได้ ฉันรีบวิ่งหนีห่างไปสองบล็อกทันที แล้วรีบบอกให้พี่ชายมารับโดยด่วน ไม่นานพี่ชายก็มารับฉัน เรื่องก็จบลง แต่มือถือของฉันมีคราบเมือกอะไรสักอย่างหลังจากที่ชายคนนั้นจับ และฉันก็ไม่ได้พบเขาอีกเลย


สนับสนุนโดย www.lovelyglasses.com/love/